โมอิสส์ ไกเซโด ยิงวอลเลย์ทำให้รูด ฟาน นิสเตลรอย ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้ ขณะที่ปีศาจแดงยังคงอยู่ในอันดับที่ 13 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี

โมอิสส์ ไกเซโด ยิงวอลเลย์ทำให้รูด ฟาน นิสเตลรอย ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้ ขณะที่ปีศาจแดงยังคงอยู่ในอันดับที่ 13 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซีเสมอกัน 1-1 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดในวันอาทิตย์ โดยเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกของ รูด ฟาน นิสเตลรอย ในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวชาวดัตช์ ซึ่งเขาได้เห็น บรูโน่ แฟร์นันเดส ทำประตูจากลูกจุดโทษที่งดงามเป็นประตูแรกในลีกฤดูกาลนี้ ก่อนที่ โมอิสส์ ไกเซโด จะยิงวอลเลย์สุดสวยให้ทีมเยือนตีเสมอ เกมนี้ทั้งสองทีมทุ่มเทอย่างเต็มที่

โมอิสส์ ไกเซโด ยิงวอลเลย์ที่สวยงาม ทำให้เชลซีตีเสมอได้อย่างสมศักดิ์ศรีและคว้า 1 แต้มที่คู่ควรกลับบ้านในเกมพรีเมียร์ลีกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเกมที่ รูด ฟาน นิสเตลรอย คุมทีมยูไนเต็ดเป็นนัดแรกในฐานะโค้ชชั่วคราว ก่อนที่ รูเบน อามอริม จะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเต็มตัวในสัปดาห์หน้า นักเตะของยูไนเต็ดสู้สุดกำลังกับทีมเยือน และพวกเขาเกือบจะได้ 3 แต้มเมื่อบรูโน่ยิงจุดโทษในนาทีที่ 70 หลังจาก ราสมุส ฮอยลุนด์ ถูกผู้รักษาประตู โรเบิร์ต ซานเชซ ทำฟาวล์ แต่ไกเซโดก็ยิงประตูแรกของฤดูกาลได้อย่างสวยงามในอีกสี่นาทีถัดมา หลังจากที่ กาเซมิโร่ โหม่งสกัดลูกเตะมุมไม่ขาด

เชลซียังไม่สามารถคว้าชัยที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดได้ตั้งแต่ปี 2013 แต่ทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า ขยับขึ้นสู่อันดับสี่ แซงอาร์เซนอลโดยมีคะแนนเท่ากันแต่ประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ยูไนเต็ดยังอยู่ในอันดับที่ 13 โดยมี 12 แต้มจาก 10 นัด

ประเด็นสำคัญ: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแสดงความแข็งแกร่งในการคว้า 1 แต้ม แม้ว่าในยุคของอดีตผู้จัดการทีม เอริค เทน ฮาก ทีมมักจะไม่สามารถรักษาผลการแข่งได้ตามที่คาดหวัง แต่พวกเขาควรภาคภูมิใจในความพยายามที่สู้เพื่อแต้มนี้ โดยเป็นครั้งแรกที่ยูไนเต็ดคว้าแต้มจากทีมใหญ่ (Big Six) นับตั้งแต่เดือนเมษายน หากโชคดีขึ้น พวกเขาอาจจะคว้าชัยได้ แต่ก็พึงพอใจกับผลเสมอที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเสมอครั้งที่ 27 จากการพบกันทั้งหมด 65 นัด ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

นักเตะยอดเยี่ยม: โมอิสส์ ไกเซโด (เชลซี) ยิงประตูตีเสมออย่างงดงาม อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในแดนกลางด้วยการตัดเกมและเข้าปะทะ รวมถึงสกัดโอกาสที่จะเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ทีมได้

 

คะแนนนักเตะ:

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: โอนาน่า 7, มัซราอุย 7, ดาโลต์ 6, เดอ ลิกต์ 6, มาร์ติเนซ 7, กาเซมิโร่ 7, อูการ์เต้ 6, แรชฟอร์ด 7, แฟร์นันเดส 7, การ์นาโช่ 6, ฮอยลุนด์ 6 (ตัวสำรอง: ลินเดเลิฟ 6, อามัด 6, เซิร์กซี 6)

เชลซี: ซานเชซ 6, เจมส์ 7, โฟฟานา 7, โคลวิลล์ 6, กุสโต้ 6, ไกเซโด 8, ลาเวีย 6, พาลเมอร์ 7, เนโต้ 7, มาดูเอเก้ 7, แจ็คสัน 6 (ตัวสำรอง: กูกูเรย่า 6, เฟอร์นันเดซ 6, มูดริก 6)

 

ไฮไลท์สำคัญของเกม:

นาทีที่ 14 เชลซีสร้างโอกาสจากการเล่นของ มาโล กุสโต้ ที่วิ่งเติมเกมรุก นอนี่ มาดูเอเก้ โหม่งชนเสาอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 22 ยูไนเต็ดได้จังหวะบุกที่ดีจากการกระชากของแรชฟอร์ด บรูโน่ ยิงข้ามคานในการซ้ำลูกบล็อกจากซานเชซ

นาทีที่ 45+2 แรชฟอร์ดยิงวอลเลย์ชนคาน เป็นโอกาสสุดท้ายในครึ่งแรก เสมอ 0-0

นาทีที่ 67 การ์นาโช่ยิงอ่อนเกินไป ทำให้ซานเชซรับได้สบาย

นาทีที่ 69 ยูไนเต็ดได้จุดโทษ! ซานเชซทำฟาวล์ฮอยลุนด์ในเขตโทษ VAR ยืนยันการตัดสิน

นาทีที่ 70 ประตู! (แฟร์นันเดส) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 เชลซี

นาทีที่ 74 ประตู! แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี (ไกเซโด) ยิงวอลเลย์ต่ำเข้าประตูตีเสมออย่างสวยงาม

นาทีที่ 89 การ์นาโช่เกือบยิงวอลเลย์สุดสวยเข้าประตู

 

 

ท็อปเพล์เยอร์เจลีค

การแข่งที่น่าสนใจ