รูเบน อาโมริม เผยว่าเขาดูนัดชิงปี 1999 เพื่อ ‘เป็นแรงบันดาลใจ’ ก่อนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพลิกสถานการณ์กลับมาชนะ ลียง อย่างสุดมันในศึกยูโรปาลีก

ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูเบน อาโมริม ใช้แรงบันดาลใจจากเกมนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 1999 ที่พลิกกลับมาชนะบาเยิร์น มิวนิค ก่อนเกมยูโรปาลีกนัดระทึกที่พบกับลียงในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันพฤหัสบดี
โคบี เมนู และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ผู้ทำประตูต่างฉลองชัยชนะสุดมัน 5-4 แต่ก็ยอมรับว่าทีมไม่ควรปล่อยให้เกมไหลไปแบบนั้น ทั้งที่พวกเขานำอยู่ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
อาโมริมเผยว่าเขาดูเกมนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 1999 ซึ่งยูไนเต็ดพลิกชนะบาเยิร์นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เพื่อหา "แรงบันดาลใจ" ก่อนพาทีมเอาชนะลียงในค่ำคืนนี้
ในเกมนั้น ยูไนเต็ดตามหลัง 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แม้ลียงเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ทั้งที่ครึ่งแรกนำอยู่ 2-0
แต่ยูไนเต็ดกลับมาได้อีกครั้งในค่ำคืนแห่งยุโรปที่น่าจดจำ เมื่อบรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงจุดโทษในนาที 114 ก่อนโคบี เมนู จะตามตีเสมอในนาที 120 และแฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยิงประตูชัยสุดเหลือเชื่อในนาทีที่ 121
อาโมริมให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports ว่า:
"มันสนุกมาก ผมดูเกมปี 1999 พร้อมเสียงบรรยาย เพื่อหาแรงบันดาลใจสำหรับช่วงเวลานี้"
ในเกมปี 1999 นั้น เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม และโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พาแมนฯ ยูไนเต็ด พลิกชนะบาเยิร์น มิวนิค ที่สนามคัมป์นู
อาโมริมกล่าวต่อว่า:
"มันเป็นคืนที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่าทีมล้าแล้ว และคุณสัมผัสได้ระหว่างเกม ตอนที่ตามหลัง 4-2 แม้มีผู้เล่นมากกว่า คุณก็คิดว่าเกมจบแล้ว แต่ที่นี่ มันไม่มีคำว่าจบ"
"ผมรู้สึกว่าที่นี่ ทุกอย่างเป็นไปได้ คุณสัมผัสได้ถึงบรรยากาศ และหลังจากได้ประตู 4-3 กับจุดโทษของบรูโน่ คุณเริ่มรู้สึกว่าเกมสามารถเปลี่ยนได้"
เนื่องจากขาด โจชัว เซิร์คซี อาโมริมตัดสินใจส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปเล่นแดนหน้า และอธิบายว่าเป็นเพราะความสามารถในการเล่นลูกโหม่ง
"เราพยายามส่งแฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่โหม่งได้ดี ส่วนโคบี เมนู ยังไม่ฟิตเต็มที่หลังเจ็บ แต่เขาเล่นในพื้นที่แคบได้ดีและยิงแบบนั้นได้ บางครั้งมันก็ได้ผล"
เมื่อถูกขอให้ดูประตูสุดดราม่า อาโมริมกล่าวว่า:
"เสียงเชียร์จากแฟน ๆ ยูไนเต็ด คือเสียงที่ดีที่สุดในโลก"
‘นี่แหละสิ่งที่สนามแห่งนี้ทำได้’
หลังจบเกม แม็กไกวร์และเมนู ต่างฉลองชัยชนะแบบเหลือเชื่อ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ควรปล่อยให้เกมพลิกไปในจุดนั้นเลยตั้งแต่แรก
แม็กไกวร์กล่าวว่า:
"เกมนี้มันสุดยอดจริง ๆ พวกเราทำให้มันยากเกินไป ครึ่งแรกเรานำ 2-0 คุมเกมได้หมด ครึ่งหลังก็มีโอกาสทำลูกที่สาม แต่พวกเขากลับยิงได้แบบงง ๆ เหมือนลูกพินบอล"
"จากนั้นเราก็เริ่มเสียทรง พวกเขาตีเสมอ แล้วเรากลับโดนนำ 4-2 ทั้งที่อีกฝ่ายเหลือ 10 คน มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย เราเปิดพื้นที่มากเกินไป"
"แต่เราก็ฮึดกลับมา แสดงให้เห็นถึงสปิริตอันยอดเยี่ยม และนี่แหละที่สนามแห่งนี้ทำได้ พอกลับมาเสมอ 4-4 ผมรู้เลยว่าต้องมีโอกาสอีกครั้ง และบอลก็มาถึงผม โชคดีที่ผมยิงเข้าไปได้ มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก"
เมนูเห็นด้วยกับเพื่อนร่วมทีม โดยกล่าวว่า:
"เป็นการคัมแบ็กที่ยอดเยี่ยม เราทำตัวเองให้ตกอยู่ในสถานการณ์นั้น แต่ตอนลงไป ผมแค่อยากเติมพลังให้ทีม"
"ตอนบอลตกมาถึง มันเหมือนระยะหนึ่งหลากลายเป็นระยะไกลเลย คุณต้องนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วแปให้เข้า และผมก็ทำได้"